การมาของ Titleist C16 เป็นเหมือนการทดสอบตลาดบนที่ Titleist ไม่เคยโฟกัสอย่างจริงจังมาก่อน ความสำเร็จและความนิยมของ PXG ก็จะเป็นการเบิกทางให้กับอุปกรณ์กอล์ฟระดับ Premium ให้กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่อยู่ในช่วงตกต่ำมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
หลายปีที่ผ่านมาแบรนด์กอล์ฟเกือบทุกแบรนด์มัวแต่ซัดตะลุมบอนกันอยู่ใน Red Ocean ด้วยกลยุทธ์การออกรุ่นใหม่บ่อยๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย และลดราคาขายไม้กอล์ฟลง เพื่อให้คนตัดสินใจซื้อและเปลี่ยนอุปกรณ์กันง่ายขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลยุทธ์นี้กลับเป็นผลเสียในระยะยาว แบรนด์กอล์ฟมีกำลังลดลง ไม้กอล์ฟล้นตลาดและไม่ได้มีอะไรใหม่ นอกเสียจากการเปลี่ยนแปลงที่ออกจะเป็นในแง่ความสวยงาม ไม้กอล์ฟก็มีคุณภาพแย่ลง จากการลดต้นทุน เรียกได้ว่า ตลาดไม้กอล์ฟอยู่ในช่วงตกต่ำที่สุด ถึงขนาดที่ Nike เลิกทำตลาดอุปกรณ์กอล์ฟแล้วไปโฟกัสกับเสื้อผ้าที่กำไรดีกว่า
นักกอล์ฟชอบถามว่า PXG ราคาแพงขนาดนั้น มันดีไหม ผมก็มักตอบไปว่า ถ้านักกอล์ฟคิดกลับไปกลับมาและหาเหตุผลเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อดีหรือไม่ แสดงว่าคุณยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นี้ เพราะราคาที่แพงเกินที่จะใช้เหตุผลอธิบาย คนตัดสินใจซื้อต้องใช้อารมณ์และกำลังทรัพย์เท่านั้น ถ้าจะให้คิดถึงหลักเหตุผล เรื่องคุณภาพเทียบกับราคา ยังไงก็ไม่คุ้ม แต่ถ้าคิดถึงการเป็นที่สนใจของคน เรื่องเอาไว้โชว์ อันนี้คุ้มแน่นอน เพราะใครเห็นก็ต้องบอกว่า คนที่ซื้อไม่ใช่แค่มีตังค์อย่างเดียว ... 5555 (ต้องมีรสนิยมด้วย)
การกลับมาคิดโฟกัสตลาดบนของแบรนด์กอล์ฟ พัฒนาสินค้าให้มีความพิเศษ คุณภาพและความเนี๊ยบของสินค้าให้สมราคาพรีเมี่ยม คือทางออกของแบรนด์กอล์ฟในปัจจุบัน นักกอล์ฟที่มีตังค์ก็ยังคงอยากพิเศษกว่าคนอื่นอยู่เสมอ และพร้อมจะจ่าย แต่ก็ต้องมาดูกันว่า ช่วงภาวะเศรษฐกิจอันอึมครึมเช่นนี้แนวคิดนี้จะประสบความสำเร็จได้ไหม ลองติดตามกันดูครับ
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.